บทที่ 9 ตอนที่ 9
“เลิกรื้อฟื้นอดีตเถอะ ผมไม่อยากคิดถึงเรื่องแย่ๆ แบบนั้นอีก”
“ค่ะ สุจะไม่คิดถึงมันอีก แต่คุณต้องสัญญากับสุนะคะว่าจะมาหาสุ...เอ่อ มาหาฟาลอสบ่อยๆ”
สุพรรษาวางมือลงบนท่อนแขนของชายหนุ่ม แต่เขาก็แกะออกอย่างสุภาพและขยับออกห่าง
“ถ้าผมว่าง ผมจะมา”
ลาซาลอสทำท่าจะกลับ สุพรรษาเห็นก็รีบคัดค้านหาทางรั้งเอาไว้ให้ได้นานที่สุด
“ดื่มกับสุสักแก้วก่อนได้ไหมคะ”
สายตาคมกริบตวัดมองมาอย่างดูแคลนจนสุพรรษาหน้าร้อนจัดจำต้องหันหน้าหนี
“คุณยังดื่มจากไนต์คลับไม่พออีกหรือ”
“คุณลาซ”
“ผมกลับละ”
แล้วคราวนี้ลาซาลอสก็ไม่ยอมให้สุพรรษาเหนี่ยวรั้งเอาไว้ได้อีก เขาก้าวลงบันไดออกไปจากตัวบ้าน เดินตรงไปที่รถ และก็พบว่ามีใครบางคนยืนรออยู่
“คุณลาซ” พาขวัญขยับเข้ามาหยุดยืนใกล้ๆ พร้อมกับยื่นของบางอย่างในมือคืนมาให้
คิ้วหนาดกที่ยาวขนานไปกับดวงตาคมกริบเลิกสูงขึ้น เพราะตรงนี้แสงสว่างมีไม่มากนัก ทำให้ไม่รู้ว่าในมือของหญิงสาวคืออะไร
“อะไรหรือ”
พาขวัญที่ก้มหน้ามองพื้น กัดฟันช้อนตาขึ้นมองบุรุษตรงหน้า
“ผ้า...ผ้าเช็ดหน้าค่ะ คุณ...คุณลาซทำตกเอาไว้ในห้องของฟาลอส”
ชายหนุ่มหรี่ตาจ้องมองดวงหน้านวลนิ่ง แม้แสงสว่างจะน้อยนิด แต่เขาก็มองเห็นความอ่อนเยาว์จากสตรีตรงหน้าได้อย่างชัดเจน ชายหนุ่มถอนใจเบาๆ เตือนตัวเองในใจว่าอย่าเข้าใกล้ผู้หญิงคนนี้อีก เพราะไม่อย่างนั้น...เหตุการณ์แบบเมื่อสองปีก่อนจะเกิดขึ้นอีก และเขาก็จะกลายร่างเป็นซาตานแบบนั้นอีกครั้ง
“ฉันไม่ต้องการมันแล้ว วานเธอทิ้งให้ด้วยก็แล้วกัน”
แล้วคนตัวโตก็หันไปกระชากประตูรถให้เปิดกว้างออก และขับออกไปด้วยความเร็วสูง
พาขวัญยืนมองท้ายรถหรูของลาซาลอสไปทั้งน้ำตา พยายามหักห้ามตัวเองให้หยุดรัก แต่กลับทำไม่ได้เลย
“แม้แต่...แม้แต่ผ้าเช็ดหน้าที่เปื้อนมือของพาย...คุณลาซก็ยังไม่ต้องการมันเลย...” หญิงสาวสะอึกสะอื้นด้วยความทรมาน ขณะหมุนตัวเดินกลับไปยังห้องของฟาลอสราวกับคนไร้วิญญาณ
“ไปไหนมา นังพาย!”
เมื่อมาถึงหน้าห้องของฟาลอส สุพรรษาก็โผล่ออกมาจากมุมมืด พาขวัญสะดุ้งตกใจ รีบซ่อนผ้าเช็ดหน้าของลาซาลอสเอาไว้ด้านหลัง
“คุณสุ!”
“หึ!” สุพรรษาจ้องหน้าของพาขวัญอย่างรู้ทัน “คงจะไปแอบให้ท่าคุณลาซอีกสินะ”
“พาย...พายไม่ได้ทำแบบนั้นนะคะ” พาขวัญส่ายหน้าปฏิเสธ “พาย...พายไม่ได้ทำ...”
“อีตอแหล! เพราะมึง กูกับคุณลาซถึงต้องพบจุดจบแบบนี้!”
สุพรรษาโป้ปดซ่อนความชั่วของตัวเองด้วยการโยนบาปให้แก่คนอื่นอย่างไร้ความละอาย
“เพราะแก...เพราะความร่านของแก อีพาย!”
หน้าผากของพาขวัญถูกจิ้มแรงๆ จนหงายไปด้านหลัง หญิงสาวน้ำตาร่วงด้วยความเสียใจ
“พาย...พายไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น...”
“อย่ามาตอแหล มึงคงคันมากสินะ”
“คุณ...คุณสุก็รู้ว่าพายไปที่นั่นเพราะคำสั่งของคุณสุเอง แล้วทำไมคุณสุถึงได้มาโทษแต่พายอย่างเดียวล่ะคะ”
สุพรรษาถลึงตาใส่พาขวัญเมื่อหญิงสาวกล้าเถียง “นี่มึงหาว่ากูเป็นคนส่งมึงไปนอนกับคุณลาซอย่างนั้นเหรอ”
“โอ๊ย!...”
พาขวัญถูกจิกผมแรงๆ ก่อนจะถูกตบจนหน้าสะบัด
“อีขี้ข้า มึงกล้าว่ากู อีระยำ!”
“ปล่อย...ปล่อยพายนะ คุณสุ พายเจ็บ...”
ไม่หยุด สุพรรษาไม่ยอมหยุด ยังคงตบตีพาขวัญซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งมีร่างของใครบางคนก้าวเข้ามาขวางเอาไว้นั่นแหละ หล่อนถึงได้หยุดการกระทำร้ายกาจลง
“คุณลาซ!”
สุพรรษาตกใจเบิกตากว้าง
“คุณ...คุณกลับมาทำไมอีกคะ”
ลาซาลอสเอาตัวบังร่างสั่นเทาของพาขวัญเอาไว้ ขณะหรี่ตามองสุพรรษาด้วยความไม่พอใจ
“ผมก็แค่ลืมบอกบางอย่างกับคุณน่ะสุ”
“ลืมบอก...อะไรคะ”
“ตำรวจจับมือปืนที่ยิงนิคได้แล้ว อีกไม่นานก็จะรู้ว่าคนที่บงการอยู่เบื้องหลังคือใคร”
สุพรรษาเบิกตากว้าง คาดไม่ถึงกับข่าวที่ได้ยิน “จับคนร้ายได้แล้ว...”
“ครับ”
“แต่มันจะมีคนบงการได้ยังไงกันคะ ในเมื่อ...นิคมีเรื่องกับกลุ่มวัยรุ่นมาก่อนที่จะถูกลอบยิง...”
นัยน์ตาของลาซาลอสวาวโรจน์ “เรื่องนั้นตำรวจจะเป็นคนสืบสวนเอง คุณไม่ต้องกังวลอะไรหรอกสุ ยังไงซะนิคจะไม่ตายฟรีแน่นอน”
“ค่ะ...ค่ะ สุก็ขอให้จับคนบงการได้เร็วๆ นิคจะได้ตายตาหลับเสียที”
“ใช่ นิคจะได้ตายตาหลับเสียที” น้ำเสียงเย็นยะเยือกของลาซาลอสทำให้สุพรรษาคล้ายกับจะเป็นลม หล่อนจึงต้องรีบปลีกตัวหนี
“ขอ...ขอตัวก่อนนะคะ สุง่วงนอนแล้ว”
ลาซาลอสไม่ได้พูดอะไรออกมา เขายืนมองสุพรรษาที่เดินหายไปเงียบๆ และก็คงจะนิ่งเงียบอยู่แบบนั้น หากพาขวัญจะไม่ละล่ำละลักพูดทำลายความเงียบขึ้นมาเสียก่อน
“ขอ...ขอบคุณมากค่ะ” ร่างเล็กขยับถอยออกห่าง เนื้อตัวนุ่มนิ่มสั่นเทาจนน่าสงสาร
“เธอควรจะต่อสู้บ้าง ไม่ใช่ยอมให้คนอื่นทำร้ายเอาฝ่ายเดียว”
พาขวัญก้มหน้าร้องไห้ “พาย...พายไม่กล้าทำร้ายคุณสุหรอกค่ะ พายเป็นแค่ขี้ข้า...”
“แล้วเธอไม่ใช่คนหรือไงล่ะพาขวัญ”
หล่อนช้อนตาที่ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาขึ้นมองเจ้าของน้ำเสียงแข็งกร้าวอย่างปวดร้าว
“ถึงพายจะเป็นคน แต่พายก็เป็นคนที่อยู่ต่ำต้อยติดดิน ไม่อาจเอื้อมจะไปต่อกรกับคุณสุหรอกค่ะ” หญิงสาวสะอื้นไห้ “แต่...แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ ที่...ที่บังเอิญมาช่วยเหลือ”
“ใช่ มันก็แค่เรื่องบังเอิญ” ลาซาลอสพึมพำเสียงกระด้าง ก่อนจะเดินกลับออกไป
พาขวัญยืนมองจนรถคันงามหายไปในความมืดทั้งน้ำตา “ขอบคุณ...ขอบคุณมากค่ะคุณลาซ”
